[ONE SHORT FICTION - CHANBAEK] SOMEWHERE ONLY WE KNOW
ผู้เข้าชมรวม
173
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
[ EXO - Fiction ]
'ChanBaek'
...Somewhere only we know...
If you have a minute why don’t we go
Talk about it somewhere only we know?
‘Cause this could be the end of everything,
So why don’t we go
Somewhere only we know?
- Lilly Allen -
.
.
.
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
[ EXO - Fiction ]
'ChanBaek'
...Somewhere only we know...
If you have a minute why don’t we go
Talk about it somewhere only we know?
‘Cause this could be the end of everything,
So why don’t we go
Somewhere only we know?
- Lilly Allen -
.
.
.
กาลเวลากำลังเดินไปเงียบๆ เสียงเข็มนาฬิกาเคาะเป็นจังหวะเนิบช้าพอดีกับการก้าวซ้ายขวาของขาทั้งสองข้าง เขาหลุบตาลงต่ำเดินไปยังสถานที่เก่าๆ พยายามยื้อฉุดให้เวลาเดินช้าลงกว่านี้เสียหน่อยแต่สุดท้ายปลายเท้าก็บรรจบลงที่หน้าร้านกาแฟร้านเดิม
ด้านในร้านดูเงียบสงบเช่นทุกวันแต่หัวใจเขาเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็น ยิ่งสองมือชุ่มด้วยเหงื่อท่ามกลางหิมะแรกของวัน
แบคฮยอนกลัวเหลือเกิน...
มือเล็กผลักประตูเข้าไปจนได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งหน้าร้าน พนักงานตรงเค้าเตอร์ยิ้มละไมให้อย่างคุ้นเคย บรรยากาศเก่าๆโลดแล่นเหมือนซีดีที่กำลังเปิดเพลงหวานในร้านกาแฟนี้
โลดแล่นไปพร้อมกับความทรงจำของแบคฮยอน... จนกระทั่งสายตาสะดุดเข้ากับชายหนุ่มคุ้นตา สองขานั้นชะงักกึ่กขึ้นมาทันทียามดวงตาคู่โตตรงหน้าสบกัน
วันนี้คือวันหิมะแรกของเกาหลี... วันที่หนุ่มสาวชาวเมืองส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการแสดงความรัก
หรือกำลังขอความรัก... แบบแบคฮยอน
เขาเม้มปากแน่น รุดตัวลงตรงหน้า ปาร์ค ชานยอล ที่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว แบคฮยอนจ้องลึกลงไปในดวงตาดำขลับ พยายามค้นหาประกายหวานในดวงตาคู่นั้น ซึ่งเพียงไม่นานทุกอย่างจะเปิดเผยเสียหมดเปลือก...แบคฮยอนคิดอย่างนั้น
ต่อให้ชานยอลพูด ชานยอลเถียงหรือพยายามอธิบายยังไง สีหน้าของชานยอลไม่เคยโกหกเขาเลยสักนิด
ถ้าชานยอลมีความสุข.. เขาคนนั้นจะหัวเราะ
ถ้าชานยอลทุกข์...เขาคนนั้นจะขมวดคิ้ว
ถ้าชานยอลรักแบคฮยอน...เขาคนนั้นจะยิ้ม
แต่ในตอนนี้ทุกอย่างเป็นเส้นตรง ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่ง ปากหยักเม้มแน่น ดวงตานั้นช่างว่างเปล่า เห็นดังนั้นแล้วชีพจรหัวใจของชานยอลคงเรียบตรงไม่ต่างกัน
ไม่มีจังหวะระทึก ไม่มีเสียงระส่ำ ...เยี่ยงคนไร้หัวใจ
“ ชานยอล... นายอยากดื่มอะไรหรือเปล่า? เดี๋ยวฉันสั่งให้...เอามั้ย? ” เขากำมือแน่น พูดประโยคยาวเหยียดทั้งที่มันเป็นประโยคง่ายๆแต่หัวใจเหมือนถูกบีบรัดจนเจ็บปวด
“ ไม่ละ นายมีธุระอะไรก็มาว่า ” คนตรงหน้าเสียงแข็ง ทั้งที่เขาเตรียมใจไว้แล้วต้องพบเจอกับอะไร
แค่นึกน้ำตาก็รื้นขึ้นมา... จึงได้แต่นั่งก้มหน้าหลบสายตาอยู่ร่ำไป
“ เราเลิกกัน..ได้ไหม? ” เพราะวันนี้เป็นวันดีที่เขาจึงนัดอีกคนออกมา...
หิมะแรกกับการขอรักแรก...คืนกลับ
เขายังคงก้มหน้า ไม่สบตาคนตัวโต ทั้งเกรงและกลัว... เกรงว่าอีกคนจะไม่พอใจกลัวว่าอีกคนจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าเราจะไม่เลิกกัน ทั้งที่สัญญามั่นหมายไว้เป็นอย่างดีว่าเราจะไม่เอาเหตุผลงี่เง่ามาทำร้ายตัวเอง...
แต่คำว่าห่างกันสักพักของชานยอลก่อนหน้านั้นมันก็เหมือนเลิกไม่ใช่หรอ...?
สู้เราเลิกกันไปมันจะไม่ดีกว่าหรือ...?
“ เราเลิกกันเถอะชานยอล ” เป็นอีกครั้งที่เขาย้ำ ขณะที่อีกคนนิ่ง สายตาหลุบต่ำลอบมองมือสองข้างนั้นไม่ไหวติง
ชานยอลอาจจะไม่มีความรู้สึกจริงๆก็ได้...
“ แล้วแต่นายสิ ฉันยังไงก็ได้ ” เขาได้ยินเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่ายผะแผ่ว แต่คงดังกว่าเสียงหัวใจเขาเองอยู่ดี
เขาเงยหน้าขึ้นราวกับได้รับอนุญาตแล้วจะผู้สูงศักดิ์ แต่ชานยอลก็เหมือนผู้สูงศักดิ์จริงๆนั่นแหละเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขานับถือชานยอลยิ่งกว่าเจ้าชีวิต ทำทุกอย่างให้อีกคนพอใจสารพัด และรักจนหมดหัวใจ
หากแต่นับวันความรักนั้นกลับหดหายเหมือนถูกลืนไปในหลุมดำ ชานยอลเทคแคร์ดูแลเขาก็จริง การกระทำที่เหมือนรักกันตลอดสี่ปีที่ผ่านมาต่างทำให้ใครหลายคนที่รู้จักเราอิจฉา แต่นับวันเข้าเขาไม่อาจสัมผัสความรู้สึกเหล่านั้นได้เลย
เราเหมือนเล่นละครฉากใหญ่ตบตาสังคม
การกระทำเพียงผ่านของชานยอลแสดงว่าคงไม่อยากทนอยู่ตรงนี้นานนัก.. เขารู้ดี
“ ชานยอล... ไม่ใช่ว่าฉันไม่เข้าใจ ” อยู่ดีๆแบคฮยอนคนนี้ก็กล้าพูด ทั้งที่ตั้งใจแค่เดินเข้ามาเพียงบอกลาเท่านั้น หากแต่หัวใจเจ้ากรรมยังคงต้องการคนตรงหน้าไม่น้อย.. ทั้งที่เป็นคนบอกเลิกแต่ทำไมเขายังอยากเห็นชานยอลอยู่ตรงนี้
พูดเองก็เจ็บเอง... เขาไม่เข้าความรู้สึกตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากร้องไห้ออกมา ต่อให้น้ำตาไม่ได้หยดลงพื้นสักหยดแต่ลึกๆแล้วตอนนี้เหมือนแบคฮยอนกำลังจมลงไปในแอ่งน้ำขนาดใหญ่
“ นายพูดจบแล้วใช่มั้ย? ” บทสนทนาถูกตัดฉับคล้ายมีใครลงมีดตรงกลางใจ
สองมือเย็นชื้นวางทับมือใหญ่คล้ายกุมกันไว้ เขาไม่ได้บีบแน่น มันเป็นสัมผัสบางเบาเพื่อให้รั้งชานยอลไว้เท่านั้น
“ นายโกรธฉันใช่มั้ย.. ฉันจะโกรธกันก็ได้แต่อย่าทำอย่างนี้เลยชานยอล เราเลิกกันเราก็กลับเป็นเพื่อนกันได้นะ... ฉันขอร้อง ” ยิ่งเขาเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า วินาทีถัดมาเขาแถบกลืนคำว่าเลิกกันลงคอ เขาไม่น่าพูดออกไปแม้แต่พยางค์เดียว
เขาแค่ยังรักแต่เขาก็รู้ตัวว่าความรักที่เรามีมันคงไม่พอ... เขาผิดมากใช่ไหมที่พูดมันออกมา
“ ฉันไม่โกรธนายหรอกแบคฮยอน... ฉันไม่เคยโกธนายเลย... นายเข้ามาขอฉันเป็นแฟนนายก็ต้องเป็นคนขอเลิก... มันถูกต้องที่สุดแล้วล่ะ ” เสียงทุ่มเรียบนิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใดๆหรือจริงๆชานยอลกำลังรู้สึกมากเกินจนไม่รู้จะพูดมันยังไง
เหมือนเขาที่นั่งเงียบในตอนนี้... เงียบเพื่อฟังเสียงหัวใจตัวเอง
“ ฉันมันไม่มีค่าพอสำหรับคำว่ารักของนายสินะ... ” ระหว่างเราตอนนี้มีแต่ความอึดอัด สายตาเย็นชาทิ่มแทงไปทั่วร่าง
เขาจมอยู่กับความคิดในหัว ทบทวนความรู้สึกที่มี ... เขายังคงรักชานยอล แล้วที่เขาขอเลิกชานยอลก็เพราะถ้าเรากลับไปเป็นเพื่อน.. กลับหันมาดูแลความรู้สึกกันอีกครั้งหรือทบทวนการกระทำที่เคยละเลยกัน เพื่อเก็บเกี่ยวความรักที่ถูกหลงลืมไปบ้าง ...ทุกๆอย่างนั้นอาจดีขึ้น
เพราะเราจะรู้ว่าสิ่งใดมีค่าก็ต่อเมื่อเราสูญเสียมันไป...
เขาอยากให้ชานยลเห็นค่าเขาบ้าง
หากแต่ความคิดย่อมเป็นเพียงแค่ความคิด ผลลัพธ์สุดท้ายคือการมองอีกคนเดินจากไปเสียจนลับตาโดยที่ไม่หวังให้หันหลังกลับมา
อย่าได้ให้ชานยอลเห็นคนขี้แพ้ตรงนี้เลย.. แบคฮยอนละอายแก่ใจเกินจะทน
เขาแค่อยากให้ชานยอลเข้าใจ... ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักชานยอล
.
.
.
ตอนนี้แบคฮยอนกำลังภาวนาให้วันนี้เป็นวันที่ดีถึงแม้บรรยากาศหม่นแสงนั้นมีฝนเม็ดน้อยใหญ่แข่งกันร่วงหล่นจากฟากฟ้าสีครามแสนสวย
เขายืนตรงริมหน้าต่างเหมือนทุกวัน ยืนดูบรรยากาศเดิมๆจากมุมเดิมๆรอคนเดิมๆ...ให้กลับมา
สายตาเลื่อนทะลุผ่านกระจกใสทอดมองก้อนสีดำขมุกขมัวอยู่เบื้องบน หยดหยาดฝนโปรยลงมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเป็นเพียงกลุ่มก้อนเล็กที่แบกๆความหวังอย่างหนักอึ้ง จนผิวกายรับรู้อากาศเย็นจัด
เขาเหม่อมองด้วยสายตาเลื่อนลอยไม่จับจ้องสิ่งใดเป็นพิเศษอย่างที่ใจนึก ภายใต้ความมืดที่ว่างเปล่าเขาเห็นเพียงเม็ดฝนนับพันที่กระทบบานหน้าต่างใส
ละอองน้ำเกาะติดบานกระจกเป็นฝ้าจางๆเลือนภาพชายผู้หนึ่ง . .. ที่กำลังเดินจำอ้าวเข้ามาภายในตึกอย่างรีบร้อน
ใครบางคนกำลังเดินมายังที่ๆหนาวเย็นแห่งนี้. .. เขารู้สึกได้
แบคฮยอนจึงยิ้มออกมาอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อการเฝ้ารอสิ้นสุดลง เขาเดินไปที่หน้าประตูเพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญ
คนๆนั้นคือเจ้าของบ้านตัวจริง... บ้านที่มีเพียงชื่อแบคฮยอนเป็นเจ้าของแต่ชานยอลกลับจับจองพื้นที่ทุกตารางนิ้วหวังเป็นที่จดจำในสายตา
เขารู้ว่าตอนนี้อีกคนกำลังยืนรอให้เขาเปิดประตูอยู่ ถึงแม้ชานยอลจะดูลังเลที่จะไขกุญแจเข้ามาเองเหมือนทุกทีเพราะหลังจากที่เราทะเลาะกันใหญ่โตหลังจากครานั้นชานยอลก็ไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย
ชานยอลคงไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาหรือด้วยเหตุผลใดๆนั้นไม่อาจทราบแต่สุดท้ายเขาก็เห็นอีกคนเดินเข้ามา
ถึงใบหน้าคมเข้มนั้นจะดูอิดโรย ถึงชานยอลดูเหนื่อยกว่าที่เคย แต่ร่างสูงยังคงยืนยิ้มให้กันอยู่ตรงหน้า เขามองดูชานยอลก้มๆเงยๆเก็บรองเท้าที่วางระเกะระกะให้พ้นหูพ้นตา
ไม่รู้เหมือนกันว่าชานยอลจะเสียเวลาอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน ทั้งที่เขาอยากให้อีกคนเข้ามากอดเหมือนทุกทีที่เราเจอกัน ไม่ต้องทำดีให้กันเสียมากมาย ขอแค่ให้เราเป็นกำลังใจให้กันและกันคงเพียงพอ
นับจากวันนั้นเขาทำเพียงเฝ้าโทรศัพท์เพื่อกดรับสาย ทั้งที่ส่งข้อความเป็นสิบๆรอบแต่คนใจร้ายไม่เคยตอบกลับสักครั้ง
เขารู้แล้วว่าเขาไม่อยากได้อะไรเลยจากชานยอล...เพียงแค่มีอีกคนอยู่ใกล้ๆในสายตา
... ไม่คิดถึงกันหรือไง? นี่คงเป็นคำถามที่เขาอยากถามออกไปมาที่สุด
คนตัวโตไม่ตอบ เอาแต่เดินหนีเขาไปยังโซฟา ทิ้งกายลงเบาะนุ่มจนได้ยินเสียงเอียดอาด เนคไทสีดำถูกปลดออกทันทีด้วยความอึดอัด ชุดสูทสีดำถูกวางบนพนักโซฟาข้างๆ
เสียงถอนหายใจยาวเหยียดเมื่อมีเพียงความเงียบของเรา ชานยอลหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน เขาทิ้งตัวให้จมลงตามอีกคน ทิ้งความคิด ความรู้สึกไว้ยังสักที่แต่ไม่พ้นเรื่องคนใกล้ตัว
เขาได้แต่นั่งมองซีกหน้าซีดขาวไร้การแต่งแต้มความสุขใดๆ ทั้งที่เมื่อก่อนเราจะทักกันด้วยการกอด พูดและหยอกล้อทุกวันด้วยสียงขบขัน และใบหน้าของชานยอลจะขึ้นริ้วแดงๆเหมือนเขาเช่นกัน
แต่วันนี้... ชานยอลไม่พูดเขาก็ไม่พูด
เพราะเราทะเลาะกันเสียใหญ่โต... เขาคงยังโกรธไม่หาย
แต่ดีแค่ไหนที่ชานยอลกลับมา.. กลับมาหาแบคฮยอน...
" ชานยอล. .. " น้ำเสียงแผ่วเบาไม่อาจทำให้คนตรงหน้ารู้สึกได้
เขาจะทำอย่างไรให้เสียงดังกึกก้องเหมือนในหัวที่กำลังร่ำร้อง. ..เขาต้องทำอย่างไร
ตอนนี้หมัดในมือกำลังสั่นคลอน พร้อมจะยกมันขึ้นและชกเขาแรงๆตรงกลางอก
ให้เขารู้สึกอย่างที่ควรรู้สึก ให้ชานยอลเจ็บอย่างที่เขาเจ็บ... แต่แบคฮยอนทำไม่ได้
เพราะถ้าชานยอลเจ็บเขาจะเจ็บกว่า... มันน่าสมเพชสิ้นดี
และเหมือนชานยอลจะรู้ แขนข้างหนึ่งของเขาพาดไว้บนพนักพิงอย่างอ่อนแรงกลายเป็นว่าแบคฮยอนคนนี้กำลังถูกโอบกลายๆ เขาค่อยๆแนบลำตัวเข้าหาชานยอลช้าๆเพราะเกรงว่าอีกคนจะไม่พอใจ
เขาเอียงตัวเข้าหาชานยอลเพื่อถ่ายเทความอบอุ่น ดูท่าชานยอลจะไม่ปฎิเสธอ้อมแขนเล็กๆนี้เมื่อมันค่อยๆรัดเขาแน่นขึ้น
ต้องเป็นเขาสินะที่ต้องเริ่มก่อน แบคฮยอนคนนี้สินะที่ต้องยอมถอยห่างเพื่อลดระยะทางของเรา
เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่เริ่มจากตรงไหน... แต่เพราะเขาทำผิดเขาต้องรับผิดชอบ
“ ฉันขอโทษนะ... ” นั่นคงเป็นคำกล่าวที่ดีที่สุดในเวลานี้เมื่อนึกถึงวันที่เราทะเลาะกัน... วันนั้น..
.
.
.
สำหรับชานยอลแล้วจะฆ่าเขาทิ้งหรือตัดเขาออกจากชีวิตแบคฮยอนไปเสียเลยคงดีกว่ามองดูตัวเองถูกลดความสำคัญลงอย่างน่าไม่อาย
เขาที่เคยแต่ได้ เขาผู้ไม่เคยมีความรักจริงๆจังๆเสียจนกระทั่งเจอแบคฮยอน แบคฮยอนผู้ไม่เคยมีทีท่ารักเขาน้อยลงสักนิด
หรือแบคฮยอนอาจจะเหนื่อยเกินไป...
เขารู้ว่ามันต้องเกิดขึ้นในสักวันสำหรับคนไม่เห็นค่าความรักอย่างเขา..สักวันความรักของแบคฮยอนย่อมหมดลงไปแต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าในเมื่อทุกคนต่างหยิบยื่นสิ่งล้ำค่าให้เขามากมายรวมถึงความรักด้วยเช่นกัน
ทั้งที่ทำเป็นใจแข็งเดินผละออกมา แต่เอาเข้าจริงเขาแค่ไม่อยากเห็นแบคฮยอนเดินจากเขาไป
หลังจากวันนั้นถึงแม้เราจะกลับมาอยู่ด้วยกันเพราะอีกคนร้องขอให้เรากลับไปเป็นเพื่อนเหมือนเดิม...บ้านจึงเหมือนโครงสร้างเก่าๆทั้งที่ภายนอกสมบูรณ์แบบดีทุกอย่าง เขายังอยู่ในบ้านหลังนี้ เพราะถ้าเขากลับมาเขาจะเจอแบคฮยอน
บ้านหลังนี้คือสิ่งแรกหากต้องนึกถึง ในเรื่องของแบคฮยอนรวมถึงความทรงจำของเราคล้ายเป็นยารักษาแผลใจเพียงตัวเดียวถูกบรรจุอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งหมด
รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความเศร้า .... หยาดน้ำตา...
แต่นับจากนั้นใครจะรู้ว่าแบคฮยอนไม่ได้กลับมาอีกเลย..แบคฮยอนตัดเขาออกจากชีวิตไปตลอดกาล
ในวันนี้เขาจึงยืนอยู่ตรงบานประตูบานเก่า ประตูหน้าบ้านถูกสลักชื่อเจ้าของอันเป็นที่รักไว้ด้วยฝีมือของเขาเอง มือหนาสัมผัสเนื้อไม้ที่ถูกแกะจนกลายเป็นตัวอักษรสวยงามว่า Baekhyun เขาร่ายมือไปทั่วราวกับจะสัมผัสถึงตัวตนคนในห้องนั้น
เมื่อไรกันที่เวลาดูเนิบช้ากว่าทุกที... นานนับนาทีกลายเป็นชั่วโมงจนเกือบแรมเดือน
...หลังจากเกิดเรื่องขึ้น
เราอยู่ด้วยกันด้วยเสียงตะโกนข้ามหัวกันไปมา บ่อยครั้งมีปากเสียงกันใหญ่โต ไม่เคยให้เกียรติหรือเห็นใจกันแม้แต่น้อย เราทะเลาะกันด้วยเรื่องเก่ากุเท่าทีหัวสมองจะจดจำซึ่งมันคือทุกเรื่องรวมทั้งเรื่องไม่เป็นเรื่อง เส้นสติขาดพลึงในทันทีด้วยอารมณ์เดิมๆ เหตุผลเดิมๆ...
เขาเค่นยิ้มให้ตัวเองถึงความผิดในใจพร้อมกับกล่าวขอโทษซ้ำๆก่อนจะผลักสิ่งที่กั้นเขากับอีกคนไว้บนโลกใบนี้
ขายาวก้าวผ่านทางเดินไปช้าๆ มองดูรองเท้าคู่เล็กหลายคู่เรียงรายไม่เป็นระเบียบนัก เขาก้มเก็บมันเข้าตู้ทั้งที่ไม่เคยทำแต่วันนี้เขาจะทำทุกอย่างที่ไม่เคยทำให้แบคฮยอน
‘ ทำไมมาช้าจริง ’ เสียงเง้างอดยังคงดังก้อง ถ้าอยู่ตรงนี้นานอีกหน่อยคงได้ยินอีกคนพูดว่า คิดถึง เป็นแน่
‘ นายกลับมาแล้วหรอ ’ เขาได้ยินเสียงแว่วมาจากที่ไกลๆ คนตัวเล็กอาจซุกซ่อนอยู่ในห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น หรือห้องๆหนึ่งในความทรงจำ
เขาทรุดตัวลงหวังจมไปกับโซฟา ให้ความนุ่มของเบาะหนังรองรับสมองอันหนักอึ้งคล้ายบรรเทา... นานเกือบเดือนที่เขาไม่ได้ย่างกายเข้ามาที่นี่นับตั้งแต่วันที่แบคฮยอนตายจากไป
บ้านหลังนี้เป็นเหมือนอดีตตอกย้ำความผิดทั้งชีวิตชานยอล
เขาหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน เฝ้าฝันถึงวันวานเก่าๆเหมือนเด็กเล็ก จินตาการถึงความงามที่เคยสัมผัส ยิ้มรับไออุ่นจากอ้อมกอด
มันน่าเศร้าเมื่อทุกอย่างถูกดึงรั้งไว้ในอดีต... เขาทำได้แค่ฝันถึง
เขาลุกขึ้นเดินด้วยเรี่ยวแรงสุดท้ายไปยังห้องของแบคฮยอน...
ภาพของคนตัวเล็กที่ว่านอนขดคู้อยู่บนเตียงกว้าง ดวงตาเรียวปิดสนิท แพรขนตาสวยฉ่ำน้ำ ปรางแก้มนิ่มช้ำไปด้วยคราบน้ำตา จมูกรั้นเชิดแดงก่ำ ฟันซี่เล็กขบกัดริมฝีปากที่เม้มแน่น
และไม่นานพื้นที่เตียงค่อยๆยุบตัวลง เขาพยายามทำทุกอย่างเท่าที่เขาสามารถจะทำได้ทั้งๆที่แบคฮยอนจะไม่มีวันรับรู้เลย
เขาใช้หลังมือขาวสัมผัสใบหน้าอย่างแผ่วเบา เลือนลอยและเลือนลางดั่งภาพตรงหน้าไม่มีความชัดเจนให้ได้สัมผัส. ..
ช่างยากเย็นที่จะเก็บกักความคิดถึงในใจจนเผลอแสดงออกไปทั้งๆที่รู้ว่าช่วยอะไรไม่ได้
ทั้งๆที่รู้ว่าแบคฮยอนคงไม่ต้องการแล้ว ..
“ ฉันขอโทษนะแบค... ฉันขอโทษ... ” เขากำลังเห็นใครบางคนนอนหนาวสั่นให้เขาเช็ดคราบน้ำตาแห้งกรั่งที่ติดค้างบนแก้มแดงช้ำ ปลายนิ้วเผลอขูดไปตามรอยแห้งแตก
เขาชักมือกลับเมื่อหยาดน้ำตากระทบหลังมือกร้าน. .. มันคือน้ำตาเขาเอง
ร่างสูงผละออกจากเตียงนุ่มที่เคยมีใครบางคนนอนหลับสนิทไม่รับรู้สิ่งใด ...มันคือภาพสุดท้ายที่เราทะเลาะกันก่อนจะเกิดเรื่องขึ้น
ภาพที่เห็นเป็นเพียงฝันทำให้เขาตื่นขึ้นเผชิญความจริง...ที่ตรงนี้ไม่มีแบคฮยอนอีกต่อไป
ไม่มีแบคฮยอนให้ตระครองกอด ที่ตรงนี้ หลงเหลือเพียงความว่างเปล่าเป็นช่องโหว่กลางใจชานยอล ก่อนจะดึงผ้าห่มซึ่งกองอยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมาคลุมผืนเตียงอันอบอุ่นแทนอ้อมกอดที่เขาอยากจะมอบให้
เขาเหลือบขึ้นมองเชือกสีขาวมัดปมแน่นบนคานไม้แน่นหนา การตกแต่งสวยหรูสร้างโศกนากกรรมแสนเศร้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาปีนขึ้นเตียงหนานุ่ม จับเชือกสีขาวเส้นเดิมมัดเป็นวงก่อนที่มันจะถูกคลายออกเพราะเขาเอง...
ถึงแม้สมองพยายามนึกภาพลมหายใจขาดรอน สมองไม่เคยคิดจะลืมอาการดิ้นทุรนทรายของแบคฮยอนยามเชือกเหนือหัวรัดคอจนแน่นเพื่อยั้งความคิดตัวเอง
แต่ที่ตรงนั้นคงอบอุ่นกว่าหัวใจแสนเย็นชาดวงนี้เป็นแน่...
.
.
.
ชานยอลเดินออกไปแล้ว เขาได้ยินเสียงบานประตูถูกปิดสนิทดังเดิม เขาได้ยินเสียงกระเทาะจากภายใน หัวใจหวาดหวั่นเมื่อภายใต้เปลือกตามีหยาดน้ำใสเจิ่งนองสั่นระริก
ดั่งก้อนน้ำแข็งทิ้งหยาดเหงื่อความเหนื่อยล้า
ร่างกายที่แน่นิ่งแต่ในใจนั้นสั่นสะท้านเพียงใดไม่อาจเอ่ยบอกเหมือนกำลังมีบางอย่างเติบโตภายใต้แผ่นดินน้ำแข็งที่เขายืนอยู่...
ใครบางคนกำลังเดินมายังที่ๆหนาวเย็นแห่งนี้. .. เขารู้สึกได้
เขาละสายตาทัศนียภาพเบื้องหน้าที่ดูสวยงามแต่เหมือนซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง ย้ำก้าวไปที่บานประตูใหญ่ ด้วยความรู้สึกเดิมๆ ด้วยสายตาคู่เดิม. ..อย่างเลื่อนลอย
ร่างกายนิ่งชาคล้ายลมหายใจขาดห้วงเพียงเสี้ยววินาที ภูเขาน้ำแข็งค่อยๆยุบตัวลงจนพังทลายในที่สุด. .. ประตูบานใหญ่ค่อยๆแง้มออก ดวงตาเป็นประกายดั่งแสงตะวันกำลังหลอมก้อนหัวใจอันเยือกเย็น
" ชาน. .. " เพียงแค่เสี้ยวนาทีไออุ่นจากสัมผัสทาบทับหัวใจเย็นเหยียบ ...เพียงแสงตะวันส่องไปทั่วสถานหนาวเย็น
เพียงปลายนิ้วสัมผัสกลับเรียกความรู้สึกข้างในจนตีรวน
ผืนน้ำแข็งนั้นค่อยๆปริแยกเป็นเศษซากความหนาวเย็น
ความเจ็บปวดในหัวใจที่ค่อยๆแตกออกเป็นเสี่ยงๆ... ก้อนน้ำแข็งมหึมาจมลงสู่ท้องมหาสมุทร
เพียงแค่เห็นชานยอลก้าวนำเขาเพียงเล็กน้อยบนธารน้ำแข็งที่ค่อยๆปริแตก แผ่นหลังหนาช่างอบอุ่นจนอยากจะแนบกายให้ความหนาวเย็นได้หายไป เพียงแค่เอื้อมมือจะสัมผัสกลับร้อนรุ่มดั่งถูกแผดเผา
สุดท้ายได้แต่ปล่อยให้หยาดน้ำใสแนบผิวแก้มจนสั่นเครือ. ..
แต่เมื่อฝีเท้านั้นหยุดลง . ..นัยตาสีหม่นมองเขาด้วยหัวใจโหยหา. ..
เมื่อโลกหยุดหมุน... โลกของเราก็เหมือนจะกลับมาหมุนวนอีกครั้ง
ไอเย็นจากแห่งใดสักแห่งโชยกลิ่นหอมคละคลุ้ง อุณหภูมิเย็นเฉียบจนเขาเผลอแนบแขนชิดลำตัวกอดร่างบอบบางไว้หลวมๆ
ดวงตาเรียวสำรวจข้าวของภายในอย่างสนใจ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม รูปใบเก่าตั้งวางตามชั้นหนังสือ ทุกอย่างดูท่าจะไม่ขยับเขยื้อนไปไหนนับตั้งแต่วันนั้น
ภาพฝันแบคฮยอนหมุนวนอีกครั้ง....
เพียงแค่เห็นชานยอลก้าวนำเขาเพียงเล็กน้อยบนธารน้ำแข็งที่ค่อยๆปริแตก แผ่นหลังหนาช่างอบอุ่นจนอยากจะแนบกายให้ความหนาวเย็นได้หายไป เพียงหวังจะเอื้อมมือเพื่อสัมผัสกลับร้อนรุ่มดั่งถูกแผดเผา
สุดท้ายได้แต่ปล่อยให้ หยาดน้ำใส แนบผิวแก้มจนสั่นเครือ. ..
แต่เมื่อฝีเท้านั้นหยุดลง . ..นัยตาสีหม่นมองเขาด้วยหัวใจโหยหา. ..
และถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย..
" . .. ฮึก . .. นายกลับมาแล้ว . ..จริงๆ..ฮึก... " ขาทั้งสองข้างที่เคยมีเรี่ยวแรงพลันทรุดฮวบ คำถามมากมายจุกเพียงในอก เขาไม่อาจเปิดปากพูดพร้อมกับสายน้ำแห่งความทรมานนี้ได้
เสียงร่ำไห้ไม่อาจหยุดลงเพียงเพราะมือน้อยนั้นพยายามห้ามมัน เขาเองไม่อาจห้ามหัวใจไม่ให้เจ็บปวดได้เช่น
เดียวกัน เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งหยุดน้ำตานี้ให้เลิกไหลเสียที
สิ่งเดียวที่แบคฮยอนทำได้คือ. .. คุ้นชินกับความเจ็บปวดให้มากที่สุด
" สบายดีไหม. .. " ทุ้มเสียงแผ่วเบากระตุ้นก้อนเนื้อหัวใจเต้นแรง คำถามง่ายๆแต่เขากลับไม่กล้าสบตาและบอกคำตอบตรงๆว่า เขายังคงสบายดี
กลัวว่าจะเป็นเพียงฝัน.. แต่ไม่ใช่
" นายเหงาหรือเปล่า. .." คนถูกถามเผลอเงยหน้าขึ้นมอง เขาไม่รู้ว่าแววตาที่สบกันนั้นทำให้ให้คนตรงหน้ารู้สึกอย่างไร ทำไมแววตาคมจึงดูหวาดหวั่นแต่ใบหน้ายังคงปิดบังเหมือนไม่มีความรู้สึกใดๆต่อกัน
เขาจึงรุดใบหน้าก้มต่ำอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าพร้อมผุดรอยยิ้มจางให้ที่คนลอบมองมั่นใจมากขึ้น
“ ขอโทษนะ... ” ชานยอลทรุดตัวนั่งโอบรอบตัวเขาไว้หลวมๆ ร่างเล็กห่อไหล่หลบหลีกความหนาว ทุ้มเสียงสั่นเครือสะท้านไปทั้งร่างกาย จนเสียงสะอื้นนั้นหนัก แรงกอดจึงแน่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ ฉันคิดถึงนาย...แบคฮยอนฉันขอโทษ ” น้ำเสียงแห้งผากแผดร้องดังก้องแข่งกับร่างที่สั่นไหว ในทุกๆวันเขาที่เขาร้องไห้มีเพียงเสียงหัวใจทีเต้นถี่เท่านั้นที่รับรู้ถึงการจากลาแสนเจ็บปวด
ความทรมานเจียนขาดใจไม่มีใครรับรู้ถึงมัน แต่วันนี้... ชานยอลรับรู้มันแล้ว...
“ เรากลับมาอยู่ด้วยกันนะแบคฮยอน... ฉันขอโทษ... ฉันจะยอมให้นายทิ้งฉันไปไหนอีกแล้ว ” ดั่งร่างกายได้ถูกปลอดปล่อยเมื่อหัวใจแสนอ่อนล้าว่ายวนอยู่ในความทรงจำ
เมื่อหัวใจกำลังอ่อนล้าลงทุกที แล้วหัวใจดวงน้อยนี่อีกจะสร้างความทรมานให้เขาไปอีกนานเท่าไร ทำไมถึงเรียกร้องหาความอบอุ่นจากเจ้าของที่ทิ้งกันอยู่ร่ำไปอีกครั้ง
ทั้งๆที่รู้ว่าชานยอลคงไม่มีวันหยิบยื่นให้ได้ ...
ซึ่งตัวเขาเองไม่คิดว่าจะมีวันนี้. ..
วันที่เรากลับมารักกัน...
.
.
.
The End
เรื่องี่แล้วพี่ชานตาย.. นี่ก็สงสารTT
ก็เลยจบแบบนี้น่าจะแฟร์ดี ..หรือเปล่า?
มีอะไรก็ @anndinamixcriJ นะคะ
Thank you :)
ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ ทั้งคอมเม้ท์ ยอดวิว คนอ่าน
เพลงประกอบหลักคือ Somewhere only we know ver. Lilly Allen
เพลงบันดาลใจคือ spoiler แลพ happen ending ของ Epik high
ผลงานอื่นๆ ของ anndinamix ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ anndinamix
ความคิดเห็น